ข่าวสังคม

ฟัง 2 มุม ปมแม่ลูกตัด “ต้นกล้วย” แต่โดนเพื่อนบ้านแจ้งความ ทำให้เสียทรัพย์

สองแม่ลูกตัด “ต้นกล้วย” แต่โดนเพื่อนบ้านแจ้งความ ทำให้เสียทรัพย์ ขณะที่ “เพื่อนบ้าน” โต้ทันควัน บอกเรื่องคดีจะขอเดินหน้าเหมือนเดิม

เมื่อเวลา 15.30 น. ในรายการ “เปิดปากกับภาคภูมิ” ทางไทยรัฐทีวีช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับ 2 แม่ลูก ที่เดินทางจากจังหวัดนครสวรรค์ โดยมาที่ทำเนียบรัฐบาลและเข้าร้องต่อเพจสายไหมต้องรอด เพื่อขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นมานานหลายปีกับเพื่อนบ้าน และยังถูกกล่าวหาว่าไปตัดต้นกล้วยทำให้เพื่อนบ้านเสียทรัพย์ เป็นเรื่องถึงโรงพัก โดยสองแม่ลูกยืนยันว่าต้นกล้วยอยู่ในพื้นที่ของตน

คุณป้ากุสุมา เล่าว่า เดินทางไปขอความเป็นธรรมที่ทำเนียบหลังโดนทำร้าย สำหรับเรื่องต้นกล้วยเริ่มจากมันสูงใหญ่ กลัวว่าจะไปโดนสายไฟ เลยตัด แต่อยู่ๆ ก็มีปัญหาคือเพื่อนบ้านไปแจ้งความว่าทำให้เสียทรัพย์ โดยที่ดินติดกัน แต่ต้นกล้วยมันขึ้นอยู่ในที่ดินตัวเอง แต่จำไม่ได้ว่าใครปลูก เพราะเราปลูกต้นไม้เยอะ

ส่วนในวันที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมากันเยอะนั้น สภ.เมืองตำรวจนครสวรรค์ บอกว่าได้รับแจ้งจาก อบต. ฝ่ายปกครอง เพื่อจะมาที่บ้านป้ากุสุมาและยายดอกไม้ เพราะมีหนังสือจาก อบต. แจ้งมาว่าต้องย้ายออกจากพื้นที่ โดยทางตำรวจเล่าว่า เหตุการณ์ในคลิปคือมีคนแจ้งความเรื่องบุกรุกไว้ แต่พอมาถึงเจอป้ากุสุมากับลุงชำนาญทะเลาะกันเรื่องต้นกล้วย จึงต้องเข้าไปห้าม แต่ยายดอกไม้ เผยว่า จริงๆ วันนั้นไม่มีใครห้ามเลย

ทำไมถูกชาวบ้านมองว่าเป็นแกะดำ

คุณป้ากุสุมา เล่าว่า ครอบครัวเราอยู่กัน 5-6 คน มานาน 30 ปี บ้านเราไม่กินเหล้า ไม่ไปยุ่งอะไรกับใคร แถมยังโดนมองว่าเป็นผีปอบ เป็นบ้า ตนก็สู้มาตลอด ที่ไม่อยากร้องไห้เพราะจะโดนว่ามารยา แต่สิ่งที่พวกเขาทำกลับถูกหมด

หลังจากเกิดเหตุในคลิปวันนั้น จนวันที่ 2 ธ.ค. 2565 ป้าตั้งใจจะไปแจ้งเรื่องถ่ายน้ำเน่าเสียลงที่ดิน แต่วันที่ไปโรงพักกลับโดนจับ จึงต้องนอนห้องขังอยู่ 2 คืน แล้วไปขึ้นศาล โดยเขาให้ประกันตัวเพราะไม่มีเงิน ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุวันนั้นก็ไม่เคยได้คุยกับลุงข้างบ้านเลย

ทางด้าน ลุงชำนาญ คู่กรณี เผยว่า ต้นกล้วยที่เขาตัด อยู่ฝั่งที่ดินของตน ห่างกับที่ดินของป้ากุสุมาตั้ง 10 กว่าเมตร ส่วนวันนั้นตนไปแจ้งพวกกำนันว่า เขามาตัดกล้วยบนที่ดินของตน จึงอยากให้เขามาชี้ชัดๆ ว่าเป็นยังไง โดยก็อธิบายให้เจ้าหน้าที่แล้วให้ช่วยบอกว่าตรงนี้เป็นที่ของใครกันแน่ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าที่ดินตรงนี้ไม่ใช่ของใครเพราะเป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์ แต่ป้ากุสุมากลับด่าทอและจะทำร้ายตน โดยเจ้าหน้าที่จึงช่วยกันจับไว้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าใครทำร้ายใครก่อน

หลังจากนั้น ก็ไปแจ้งความว่าโดนทำร้ายร่างกาย ส่วนเรื่องต้นกล้วยก็แจ้งความว่าทำให้เสียทรัพย์ แม้จะอยู่ข้างบ้านกันแต่ไม่สามารถคุยกันได้เลย โดนด่าอยู่ตลอด มาถามคนแถวนี้ก็ได้ว่า 2 แม่ลูกเป็นคนยังไง ส่วนที่ไม่อยากคุยกับเขา เพราะคุยไม่รู้เรื่องทั้งแม่และลูก ส่วนเรื่องคดีจะขอเดินหน้าเหมือนเดิม ปล่อยให้เจ้าหน้าที่จัดการต่อไป

ทางด้าน เอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เผยว่า จากการที่คุณลุงบอกว่า เจ้าหน้าที่ชี้ว่าต้นกล้วยอยู่ในที่ดินสาธารณประโยชน์ แสดงว่าที่ดินของทั้ง 2 ท่านอยู่ในสาธารณประโยชน์ทั้งคู่ ไม่มีของบ้านใคร แต่การที่ลุงปลูกแล้วมันแทงหน่อขึ้นมาฝั่งป้านั้น จากการถามทีมกฎหมาย คือลุงสามารถแจ้งความได้ ถ้าเขายืนยันสิทธิว่าเป็นคนปลูก อันนี้เป็นข้อมูลที่ควรทราบ เช่น

“ถ้าข้างบ้านปลูกต้นไม้ แล้วกิ่งเลยมาฝั่งบ้านเรา การที่เราเอามืดไปฟันทิ้งเลย เจ้าของต้นไม้มีสิทธิที่จะแจ้งความเราได้ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ แต่มีวิธีแก้คือ ถ้าต้นไม้เกินมาบ้านเรา ต้องไปแจ้งข้างบ้านที่เป็นเจ้าของต้นไม้ก่อน ว่ามันเกินมาบ้านเรา หากบอกแล้วเพิกเฉยเราสามารถฟันกิ่งที่เลยมาทิ้งได้ แม้เจ้าของจะไปแจ้งตำรวจ แล้วมีหมายเรียกเรานั้น ก็สามารถชี้แจงได้ ว่าบอกไปแล้วแต่เขาไม่ตัด”

ส่วนปัญหาที่ป้าโดนจับ เพราะตำรวจออกหมายเรียก 2 ครั้ง แต่ป้าไม่ได้ไป เมื่อไม่ได้ไปก็จำเป็นต้องออกหมายจับตามกระบวนการของกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องที่ดินเป็นเรื่องสำคัญ อบต. ต้องลงมาดูเพราะเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ ต้องลงมาคุยว่าจะจัดสรรยังไง ส่วนป้าการที่บอกว่าอยู่มานานต้องเข้าใจว่าเราไม่ใช่เจ้าของที่ เพราะมันเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ ดังนั้นต้องคุยกันและป้าต้องใจเย็นๆ ค่อยคุยกัน โดยใช้เหตุผลคุยกัน